บทเพลงชีวิต

๏ บทเพลงลืมตาดูโลก

โลกนี้ช่างงดงาม
เป็นความโชคดีของชีวิต
ที่มีสิทธิ์ได้ลืมตาดูโลกใบนี้

โลกใบนี้ไม่ใช่เป็นแค่โลกของมนุษย์เท่านั้น
แต่ยังเป็นโลกของทุกสรรพสิ่งสรรพสัตว์

โลกไม่มีเจ้าของ
ทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นเพื่อนร่วมโลก
ต่างแวะมาชั่วคราว แล้วก็ลาจากไป

จงอย่าได้เข้าใจผิดว่า
โลกใบนี้เป็นโลกของเรา

จงขอบคุณโลกที่มอบทุกสิ่งทุกอย่างให้แก่เรา
จงอย่าเบียดเบียนทำลายโลก

จงเรียนรู้โลก รับรู้โลก และปล่อยวางโลก

โลกส่วนโลก เขาส่วนเขา เราส่วนเรา
ธรรมชาติโลก ธรรมดาเขา ธรรมดาเรา
สมมติโลก สมมติเขา สมมติเรา

หน้าที่ใครหน้าที่เขา
เราต้องทำให้ดีที่สุดเท่าที่สติปัญญามี
เราจะอาศัยโลกใบนี้
เพื่ออยู่ทำหน้าที่ ที่ดีที่สุด
หน้าที่แห่งมิตรไมตรี
เพื่อความงดงามแห่งโลก

ขอทุกดวงจิตทุกดวงวิญญาณ
จงมีดวงจิตดวงใจสว่างไสว เบิกบาน
คลี่คลายจากกองทุกข์ทั้งหมดทั้งมวล

ขอทุกดวงจิตทุกดวงวิญญาณ
จงมีชีวิตสุขสงบเย็นเป็นประโยชน์
อิสระจากเครื่องจองจำทั้งหมดทั้งมวลเถิด ฯ

๏ บทเพลงลืมตาอยู่คู่โลก

เช้าวันนี้ เช้าวันใหม่ ชีวิตใหม่
จิตใจเบิกบานเข้มแข็ง
รู้สึกตัว รู้สึกตัว รู้สึกตัว

วันวานแม้อ่อนล้าอ่อนแรง
ฟ้ามืดมนสับสนวกวนสิ้นดี

วันนี้จะพยายามอดทน
เรียนรู้และเข้าใจโลก
ที่หาความแน่นอนไม่ได้

ความอดทน คือ เพื่อนคู่ใจ
ความรู้สึกตัว คือ เสบียง
ความสงบนิ่ง คือ เข็มทิศ
ที่จะใช้เดินเคียงคู่ไป
เพื่อฝ่าคลื่นลมและแสงแดด
ฝ่าความเจ็บปวดที่เกิดจากความทะเยอทะยาน
ของจิตใจที่ขาดสติปัญญาคอยควบคุมแล

จะสำนึก และสำเหนียกเสมอๆว่า
ไม่มีอะไรได้ดั่งใจ ไม่มีอะไรแน่นอน
ไม่มีอะไรที่ไม่มีอุปสรรค
ไม่มีอะไรที่จะได้มาโดยง่าย

มีบุญมีทุกอย่าง หมดบุญหมดทุกอย่าง
ความเพียรเป็นตัวสำเร็จ

การรู้ ตื่น เบิกบาน
สะอาด สว่าง สงบแห่งจิตใจ
คือ ความโชคดีที่สุดของชีวิต

จะทำหน้าที่ตามสมมติโลก
เพื่อความงดงามแห่งโลก ทำแล้วแล้วไป

ขอทุกดวงจิตทุกดวงวิญญาณ
จงมีดวงจิตดวงใจสว่างไสว เบิกบาน
คลี่คลายจากกองทุกข์ทั้งหมดทั้งมวล

ขอทุกดวงจิตทุกดวงวิญญาณ
จงมีชีวิตที่สุขสงบเย็นเป็นประโยชน์
อิสระจากเครื่องจองจำทั้งหมดทั้งมวลเถิด ฯ

๏ บทเพลงหลับตาอำลาโลก

ขอให้คืนนี้ เป็นคืนสุดท้ายแห่งลมหายใจ
ที่แผ่วเบาและอ่อนล้าอ่อนแรง

ขอให้คืนนี้
เป็นคืนสุดท้ายแห่งความโง่เขลา
เบาปัญญา ขาดความรู้สึกตัว

ขอให้คืนนี้
เป็นคืนสุดท้ายแห่งความทุกข์
ที่หลงกอดรัด ยึดถือ แบกไว้ ไม่ยอมวาง

ขอให้คืนนี้
เป็นคืนสุดท้ายแห่งการโหยหา
ไขว่คว้า ทะเยอทะยาน

วันเวลาที่ผ่านมา
ช่างเร่าร้อน และเหน็บหนาว
แสนเหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน
เพราะแบกโลกไว้

ทุกๆย่างก้าวที่ก้าวมา
ขอขอบคุณ ขอขมา ทุกความศรัทธา
ทุกมิตรไมตรีที่มอบความอบอุ่นมากค่า
ด้วยเมตตาธรรมที่ขาวสะอาด
บริสุทธิ์ จริงจัง จริงใจ
ทุกภพชาติจะไม่ลืมเลือน
ขอบคุณโลก ขอบคุณลมเย็นๆ
และร่มเงาแห่งเมฆหมอก

กิ่งก้านของต้นไม้ที่ให้ความร่มเย็น
มาตลอดเส้นทางที่ยาวไกลและกันดาร

แสวงหาอะไรกันหนอในเมื่อ…
ทุกสรรพสิ่งมันไม่มี…..อยู่แล้ว
ทุกสรรพสิ่งมันไม่มีความแน่นอน…อยู่แล้ว
ทุกสรรพสิ่งมันไม่มีสาระแก่นสาร…อยู่แล้ว
ทุกสรรพสิ่งมันว่างเปล่า….อยู่แล้ว
ทุกสรรพสิ่งมันเป็นเช่นนั้นเอง…อยู่แล้ว
ทุกสรรพสิ่งล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป..อยู่แล้ว

จงนิ่งรู้ จงรู้ทิ้ง จงรู้ว่าง จงรู้วาง
จงทำหน้าที่ให้ถูกต้องตามสมมติ
จงเข้าใจสัจธรรมความจริงของสมมติ

ขอทุกดวงจิตทุกดวงวิญญาณ
จงมีดวงจิตดวงใจสว่างไสว เบิกบาน
คลี่คลายจากกองทุกข์ทั้งหมดทั้งมวล
ขอทุกดวงจิตทุกดวงวิญญาณ
จงมีชีวิตสุขสงบเย็นเป็นประโยชน์
อิสระจากเครื่องจองจำทั้งหมดทั้งมวลเถิด ฯ

๏ สัจธรรม

เพื่อนผู้ร่วมเดินทาง
เราเดินทางมากันทั้งวัน
คืนนี้จงหลับให้สนิท ปิดตา ปิดใจ
หลับด้วยความรู้สึกตัว หลับอย่างมีความสุข
พรุ่งนี้เราก็จะต้องออกเดินทางกันต่อไปอีก

ชีวิตคนเราเป็นอยู่เช่นนี้ทุกวัน
ทางชีวิต วนเวียน
เวียนวน วกวน จำเจ ซ้ำซาก

บนเส้นทางนี้ มีหนาวเย็น มีเร่าร้อน
มีทั้งรัก ทั้งชัง มีทั้งผูกพัน และโหยหา
มีทั้งภาระ และหน้าที่
มีเรื่องราวทั้งดีและไม่ดี
เกิดขึ้นมากมายตลอดเส้นทาง

อีกไม่ไกลนัก อีกไม่นานนัก
เราก็จะถึงจุดหมายปลายทางแล้ว

มีหลายคนหลายท่าน
ได้เดินทางไปถึงก่อนเราแล้ว
ก็มีมากมาย ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่
ทั้งคนแก่ ทั้งวัยหนุ่ม วัยสาว
ทั้งพระเจ้าพระสงฆ์

หลุมฝังศพ หรือไม่ก็เชิงตะกอน
คือ จุดหมายปลายทางเป็นที่หยุดพักกาย
เป็นที่ทิ้งภาระที่แบกยึด
มาตลอดเส้นทางอันยาวไกล

เหนื่อยมั๊ย เหนื่อยก็จงอดทน

ชีวิตก็เป็นแบบนี้ มีสุข มีทุกข์
มีเสื่อมลาภ เสื่อมยศ มีนินทา มีสรรเสริญ
มีได้ มีเสีย มีสมหวัง มีผิดหวัง
มีรอยยิ้ม มีน้ำตา มีเสียงหัวเราะ

ใครมีปัญญา สามารถรอได้ คอยได้
อดได้ ทนได้ สงบได้ เย็นได้ ปล่อยได้ วางได้
ก็จะอยู่ในโลกนี้ได้อย่างมีความสุข

ใครโง่เขลาเบาปัญญา
มากด้วยทิฏฐิ มากด้วยบาป มากด้วยอกุศล
มากด้วยกิเลส มากด้วยตัณหา
มากด้วยความคิดฟุ้งซ่าน
ทะเยอทะยาน ไม่รู้จักคำว่า”พอ”
ก็จงก้มหน้ารับทุกข์รับกรรมต่อไป

ชีวิตคนเราเลือกเกิดไม่ได้
แต่เลือกที่จะเป็นได้ เลือกที่จะมีได้

จะเลือกเป็นคนดี มีความสุข
หรือจะเป็นคนชั่ว มีความทุกข์
ก็อยู่ที่สติปัญญาของเรา

เพื่อความปลอดภัยในชีวิต
จงเตือนตนอยู่เสมอๆว่า
ไม่ควรโง่ ไม่ควรหลง
อยู่ในดงแห่งความทุกข์อีกต่อไป

เพื่อนผู้ร่วมเดินทาง
จงเดินทางไปด้วยความรู้สึกตัว
รู้สึกรอบๆตัว  รู้สึกไม่มีตัว ไม่มีตน
ไม่เป็นอะไรกับอะไร ให้แล้วแล้วไป

ผ่านแล้วแล้วไป จบแล้วแล้วไป แค่ไหนแค่นั้น
ดีแล้ว พอแล้ว ช่างมัน มันเป็นเช่นนั้นเอง
สรรพสิ่งล้วนว่างเปล่า ไร้สาระแก่นสาร
มีแต่พระธรรมเท่านั้น ที่จะเป็นที่พักพิง พึ่งพิง
ได้อย่างแท้จริง สิ่งอื่นนอกจากนี้ไม่มี

สิ่งอื่นนอกจากพระธรรม
เป็นแค่เพียงสิ่งอาศัย
ให้ความสะดวกสบายเท่านั้น
อย่าหลงมันมากมายนัก เดี๋ยวมันกัดเอา

เพื่อนเอย จงอย่าทิ้งธรรม ทิ้งศีล
ทิ้งบุญ ทิ้งกุศล ทิ้งความดี เก็บรักษาไว้ให้ดี

คำสอนสั่งสอนขององค์พระศาสดา
ที่ทรงสอนไว้อย่างงดงามยังคงมีความศักดิ์สิทธิ์
ใครยอมก้มหัวปฏิบัติตาม เชื่อตาม
เขาเหล่านั้นย่อมพ้นทุกข์ พ้นภัย พ้นโรค
หมดกรรม หมดเวร
คลี่คลาย สว่างไสว เบิกบาน

ดุจน้ำดื่มที่สะอาดบริสุทธิ์
เมื่อผู้หิวกระหายได้ดื่มกินแล้ว
ย่อมดับความหิวกระหายได้ฉันนั้น

จงรักษาจิตของตนให้บริสุทธิ์
จงมีธรรม มีบุญ มีสติ
มีศีล มีสมาธิ มีปัญญา มีศรัทธา
มีความเพียรเป็นที่พึ่งเถิด

ก่อนหลับตาลาตายจากโลกใบนี้
จะได้ยิ้มอย่างภูมิใจว่า
การเกิดมาของเราไม่เสียชาติเกิด ฯ

วัดพระมหาชนก บ้านพลังเพียร
4.10.2017