๏ ขอบคุณความทุกข์
ขอบคุณความทุกข์
ที่ปลุกให้มีปัญญา
ให้รู้ตื่นลืมตา
แสวงหาพระธรรม
ขอบคุณความทุกข์
ที่จับลุกให้พ้นกรรม
สอนสั่งและแนะนำ
รู้จักทำใจให้เบิกบาน
ขอบคุณความทุกข์
ที่ทำให้สนุกสนาน
เกิดความฉลาดฉาดฉาน
เชี่ยวชาญการแก้ปัญหา
ขอบคุณความทุกข์
ที่มอบสุขทันเวลา
รู้เท่าทันมารมายา
ที่นำพาให้วุ่นวาย
ขอบคุณความทุกข์
ที่ช่วยให้พ้นคุกความงมงาย
รู้ปล่อยวางอย่างไม่เสียดาย
สะลายอัตตาได้สิ้นเชิง ฯ
๏ รู้ไว้
เจ้าความเครียดสิ่งนี้ ส่วนเกิน
ไยชอบเรียกชวนเชิญ ชิดใกล้
คิดแต่สุขเพลิดเพลิน หัดคิด บ้างนา
คิดเครียดก่อทุกข์ให้ พิษร้ายรื้อรัง ฯ
๏ กัดกัน
คำสองคำต่างจ้อง กัดกัน
เกิดปากเสียงทุกวัน หยุดบ้าง
สุขทุกข์ร่วมผูกพัน หลายชาติ
ไยไม่คิดร่วมสร้าง สุขให้แก่กัน ฯ
๏ พ่อ
พ่อดั่งพรหมพระแท้ อรหันต์
ดั่งเทพไท้คุณมหันต์ ท่วมฟ้า
ให้เนื้อเลือดชีวัน ชุบช่วย ลูกนา
มวลลูกดีทั่วหน้า กราบไหว้พระคุณ ฯ
บุญทุกบุญมอบแล้ว บูชา
บุญทุกบุญขอขมา พ่อไซร้
กรรมชั่วที่ลูกยา เคยล่วง เกินนา
ขอพ่ออโหสิให้ เพื่อพ้นบาปกรรม ฯ
๏ ปีใหม่
ปีใหม่จิตผ่องแผ้ว เบิกบาน
ปีใหม่สุขเนิ่นนาน อย่าร้าง
ปีใหม่อย่าเชื่อมาร จิตเสื่อม
ปีใหม่ทุกข์คั่งค้าง อย่าได้ค้างคา
ปีใหม่ฟ้าใหม่แล้ว คนดี
ปีใหม่รู้หน้าที่ ตื่นรู้
ปีใหม่อย่ารอรี รีบเร่ง
ปีใหม่อดทนสู้ อย่าได้อ่อนแอ
ปีใหม่แก่อีกแล้ว หนึ่งปี
ปีใหม่แก่บารมี เลิศไซร้
ปีใหม่แก่อัปรีย์ สุดชั่ว
ปีใหม่แก่ดีไว้ แก่แล้วได้บุญ ฯ
๏ ดี ชั่ว
คนชั่วทำชั่วนั้น แสนง่าย
ดีกลับยากเหลือหลาย บอกให้
คนดีช่างง่ายดาย ก่อเรื่อง ดีนา
เรื่องชั่วกลับยากไซร้ งดเว้นตัดใจ ฯ
๏ เสื่อม
แก่นศีลธรรมเหือดแห้ง จากใจ
ความโลภช่อนอยู่ใน มากล้น
ความโกรธลุกเป็นไฟ เผาทั่ว เมืองนา
ผืนแผ่นดินยากพ้น ทุกข์ร้อนปัญหา
ต่างด่าว่าใส่ร้าย มึงกู
อีกไม่ช้าขุดรู อยู่ไซร้
ชั่วต่อชั่วยกชู พ่นใส่ กันนา
คนทั่วหล้าหม่นไหม้ กลับแสร้งทำเมิน
ย่อยยับแทบหมดสิ้น ชื่อไทย
ตายแลกทิฐิไป ค่ำเช้า
เพื่อกูอย่าใส่ใจ ผิดถูก ทิ้งนา
แพ้ชนะต่างคอยเฝ้า อยากได้ครอบครอง ฯ
๏ แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร
แพ้เป็นพระบ่งชี้ หากยอม
จิตเลิกราอ่อนน้อม ยกให้
ชนะเป็นดุจมารจอม ทิฏฐิ
จิตมากอัตตาไซร้ พอกไว้ในใจ ฯ
รีบสั่งสมก่อไว้ กุศล
เฝ้าตอกย้ำเตือนตน ค่ำเช้า
มากน้อยเพื่อมรรคผล เติมแต่ง จิตนา
มัวประมาทอาจก้าว สู่ห้องอบาย
ก่อนตายจากโลกนี้ เตรียมพร้อม
ภพชาติหน้าอดผอม ยากไร้
กินบุญเก่าไม่ยอม คิดอยาก สร้างนา
บุญเก่าหมดร่ำไห้ ชาตินี้มัวเพลิน
เห็นบุญเมินหลบลี้ เพิกเฉย
เห็นชั่วกลับชิดเชย ไขว่คว้า
ความดีกลับละเลย บอกเบื่อ บุญนา
เร็วเร่งรีบอย่าช้า เคราะห์ร้ายตามทัน
เที่ยวแบกเที่ยวเสือกแล้ว เรื่องเขา
เรื่องชั่วดีฉลาดเขลา แบกไว้
คิดแล้วเครียดคาดเดา ปรุงแต่ง เรื่อยนา
ส่วนเรื่องตนปล่อยให้ เอ่อล้นท่วมใจ
ใคร่ครวญให้แจ่มแจ้ง เหตุผล
เที่ยวเสือกเรื่องของคน ทุกข์ไซร้
กรรมเขาอย่าเวียนวน คิดเสือก เขานา
งดเสือกได้ย่อมใกล้ หลุดพ้นนิพพาน
คนพาลชอบเสือกแล้ว เรื่องคน
ส่วนมุนีไม่สน เรื่องเจ้า
คนพาลคิดสาละวน แต่เรื่อง เขานา
ส่วนมุนีนั่งคอยเฝ้า ฝึกแล้วจิตตน ฯ
ค่อยค่อยก้าวอย่าได้ รีบเร่ง
จงอย่าได้อวดเก่ง วิ่งไซร้
คราวนี้อาจไม่เฮง เดี๋ยวหก ล้มนา
จงระวังเข้าไว้ ย่อมได้พร้างาม
ตามใจตนเดือดร้อน ตามมา
ก่อเรื่องก่อปัญหา มากร้าย
หัดใช้ซึ่งปัญญา ยึดเหตุ ผลนา
ทุกสิ่งสำเร็จได้ ทุกก้าวใคร่ครวญ ฯ
ทานการให้หมั่นสร้าง บำเพ็ญ
ศีลเคร่งครองเช้าเย็น ยึดไว้
ภาวนาเรื่องจำเป็น ต้องฝึก ฝนนา
สามสิ่งสำคัญไซร้ ชาตินี้รีบทำ ฯ
๏ คำเตือน
ห้ามเรียกร้องบ่นเพ้อ นั่งฝัน
ห้ามวาดวิมานสวรรค์ เสพไซร้
ห้ามนึกคิดลงขัน หวังโชค ลาภนา
บุญไม่เคยทำไว้ อย่าดิ้นป่วยการ ฯ
๏ เป้าหมาย
ก้าวเดินไปด้วยกัน สร้างฝันความหลุดพ้น
เพียรสร้างซึ่งกุศล เฝ้าฝึกตนเรียนรู้ธรรม
เป้าหมายเราเดียวกัน สานฝันลงมือทำ
สักวันคงพ้นกรรม พบสุขล้ำแดนนิพพาน ฯ
หน้าที่ตนต่างรู้ ต่างมี
รับผิดชอบให้ดี อย่าอ้าง
เพิกเฉยไม่เข้าที ดินพอก หางนา
มัวปล่อยทิ้งปล่อยขว้าง เสื่อมแล้วราคา
ค่าของคนบอกชี้ ผลงาน
ขี้เกียจบอกสันดาน ธาตุแท้
อดีตบอกหลักฐาน กำพืด ตนนา
ไม่รีบปรับเปลี่ยนแก้ พรุ่งนี้อย่าหวัง ฯ
ต่างอ้อนวอนกราบไหว้ ศรัทธา
หวังพึ่งเทพรุกขา ช่วยด้วย
งวดนี้กราบพึ่งพา สักงวด
ก่อนชีพนี้มอดม้วย หมดสิ้นหนทาง
ต่างวาดหวังเชื่อแล้ว คาดเดา
แทงล่างบนหวังเอา ถูกไซร้
หวยออกนั่งตัวเบา กินเรียบ
คนฉลาดเก็บเงินไว้ นั่งยิ้มสุขใจ
ใครหลงใหลนั่งเฝ้า หวยเบอร์
เช้าค่ำเฝ้าละเมอ ย่อมเก้อ
ลาภลอยยากเจอะเจอ ใช่ง่าย
เลิกเล่นเลิกชะเง้อ เลิศแล้วปัญญา
ไปไม่กลับอีกแล้ว คืนมา
หลับไม่ตื่นลืมตา อีกไซร้
ฟื้นฟื้นไม่มีหนา แน่นิ่ง
หนีไม่พ้นจำไว้ สิ่งนี้คือตาย
อันหญิงชายแต่ล้วน ต้องตาย
สุดรักสุดเสียดาย พรากไซร้
ไม่มีบอกนัดหมาย เช้าค่ำ
เรือนร่างที่เช่าไว้ ละทิ้งจากลา ฯ
๏ วาดหวัง
เฝ้าวาดหวังทุกวี่วัน
นั่งนอนฝันทุกวันคืน
เจ็บปวดโศกสะอื้น
กล้ำกลืนกินน้ำตา
ความหวังที่วาดไว้
กลับหายไปไม่เห็นมา
เฟ้อฝันเสียเวลา
ใช้ปัญญารู้ความจริง
แรงกิเลสหลอกให้ฝัน
ทุกคืนวันอยากแอบอิง
หลงเชื่อหัวใจลิง
ที่วิ่งวุ่นเฝ้าวาดหวัง
โน่นนี่นั่นฉันวาดไว้
น้ำตาไหลเกิดคลุ้มคลั่ง
ไม่รู้จักหลักอนิจจัง
จึงพลาดหวังหลั่งน้ำตา ฯ
อย่าเที่ยวแบกโลกไว้ รุงรัง
อย่าเที่ยวแบกชอบชัง ผิดไซร้
อย่าเที่ยวแบกวาดหวัง บ้าคลั่ง
อย่าเที่ยวแบกกูไว้ แบกแล้วบ้าตาย
กระดาษทรายขัดให้ เงางาม
ตัวช่างแสนหยาบทราม ยิ่งไซร้
เที่ยวสอนสั่งให้ตาม คำกล่าว ตนนา
แต่จิตตนปล่อยให้ หยาบช้าสามานย์ ฯ
๏ ฝัน
ฝันเอยฝันหวาน
วาดวิมานไว้ในใจ
ความจริงเป็นเช่นไร
ไม่สนใจอนิจจัง
อยากได้อยากดี
อยากมีสมหวัง
อยากไปถึงฝั่ง
นอนนั่งเฝ้ารอ
เหตุไม่ยอมทำ
นำซ้ำบุญไม่พอ
บาปกรรมแถมยังก่อ
ฝันรอคงป่วยการ ฯ
๏ ลืมตา
ไม่รู้ตัวเลยหรือ
ว่ายังยึดถืออยู่มากมาย
กิเลสท่วมใจกาย
กล้าพูดได้ว่าเสรี
อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่
อวดทำไมมันอัปรีย์
อับอายเหล่ามุนี
ท่านมีดีไม่อวดตัว
นิ่งได้โลกบูชา
หวือวาช่างน่าหัว
คนอวดเก่งอวดเมามัว
ทั้งที่ตัวไม่มีอะไร
สมาธิก็ไม่มี
ความดีก็ห่างไกล
กิเลสก็ลุกเป็นไฟ
แล้วไยมัวอวดดี ฯ
๏ ตื่น
หลับอยู่มาหลายชาติ
ประมาทอยู่หลายปี
สติปัญญาไม่เคยมี
ความดีไม่เคยมอง
เริ่มต้นชีวิตใหม่
ก้าวไปตามครรลอง
แสวงหาพระธรรมครอง
ความเศร้าหมองอย่าให้มี
จงพากเพียรและอดทน
เพื่อฝึกตนให้มีดี
บอกลาโลกโลกีย์
มอบชีวิตนี้ให้พระธรรม
ต่อแต่นี้ไม่ทุกข์แล้ว
จิตผ่องแผ้วหมดเชื้อกรรม
ครองสุขแท้ทุกเช้าค่ำ
ยึดพระธรรมไว้นำทาง ฯ
๏ ชีวิตใหม่
ชีวิตใหม่ต้องเบิกบาน
สุขทุกกาลทุกเวลา
เป็นอยู่ด้วยปัญญา
งดนินทาว่าร้ายใคร
ทำดีเพื่อจิตงาม
สติตามเฝ้าดูไป
ผิดพลาดรู้แก้ไข
เปลี่ยนแก้นิสัยตน
เขาส่วนเขา
อย่ามัวเขลาเรื่องของคน
รีบแก้ใจของตน
ให้หลุดพ้นจากมายา ฯ
๏—————๏
สรรพสิ่งในโลกนี้ สุญญตา
ล้วนแต่สมมติค่า แต่งไว้
ด้วยแรงแห่งตัณหา สร้างเสก
ลวงหลอกจิตโง่ไซร้ ตื่นเต้นหลงตาม ฯ
๏—————๏
เมื่อใจบาปก็ไร้วาสนา
เมื่อขาดปัญญาก็มืดมน
เมื่อหมดศรัทธาก็ไม่อดทน
เมื่อลืมกุศลก็หมดความหมาย ฯ
๏—————๏
ไม้ล้มอาจยกเท้า ก้าวข้าม
คนตกอับอย่าหยาม หมิ่นไซร้
อย่าดูถูกถือความ รังเกียจ
ชีวิตนี้จำไว้ อย่าได้หยามใคร ฯ
๏—————๏
หลับตาเพื่อดูใจ
แก้ไขนิสัยตน
ลืมตาเพื่อดูคน
เตือนตนให้พัฒนา ฯ
๏—————๏
ฤทธิ์แห่งบุญส่งให้ เสวยสุข
ฤทธิ์แห่งบาปก่อทุกข์ มากไชร้
ฤทธิ์แห่งโลกแค่สนุก ชั่วครู่
ฤทธิ์แห่งรักหลอกให้ ค่ำเช้าโหยหา ฯ
๏ ใจ
ใจคือตัวต้นธาตุ ต้นธรรม
ดีชั่วใจบอกทำ สั่งไว้
ใจดีย่อมก่อกรรม เกิดสุข เสวยนา
เฉกเช่นเงาตนไซร้ ติดต้อยห้อยตาม ฯ
๏ เหตุ
อุปสรรค คือ คลื่นลม
พัดเรือจมสู่ก้นทะเล
จิตใจที่โลเล
พัดชีวิตไร้ทิศทาง
ความหวัง คือ เหยื่อล่อ
จึงเฝ้ารอจนฟ้าสาง
จิตแบกไม่ยอมวาง
หมดหนทางเห็นมายา
ความรู้ คือ ม่านหมอก
ล้วนถูกหลอกว่าปัญญา
ยอมเชื่อเที่ยวแสวงหา
ต่างหลับตาหลงเดินตาม
ความโง่ คือ ความดี
หากใครมีสุขทุกยาม
อวดรู้ต้องแบกหาม
คอยวิ่งตามความคิดตน
ความสุข คือ ความว่าง
อยู่ข้างทางทุกแห่งหน
มากมายในใจคน
ลองขุดค้นอาจพบเจอ ฯ
๏ บทเพลง..พอแล้ว
เหนื่อยพอแล้ว หนักพอแล้ว
เจ็บพอแล้ว เครียดพอแล้ว
เบื่อพอแล้ว เกลียดพอแล้ว
บ้าพอแล้ว ทุกข์พอแล้ว
รู้กาย รู้ใจ พักกาย พักใจ
เหนื่อยพอแล้ว ต่างแบกไว้มาเนิ่นนาน
ทุกข์ทรมานทุกคืนวัน อยากได้ทุกสิ่งอัน
วางมันลงบ้างได้มั้ย แบกมานานแล้ว
เหนื่อยพอแล้ว
กลับมารู้สึกตัว ตื่นรู้ทั่วทั้งกายทั้งใจ
ตามรู้จิตที่ไหลไป รีบทำใจให้ปล่อยวาง ฯ
๏ เงิน
ลมหายใจเข้าออก คือเงิน
บอกมากค่าเหลือเกิน สิ่งนี้
ขาดเงินย่อมยับเยิน หมดค่า คนนา
บาปช่างมันบอกชี้ กล่าวอ้างสรรพคุณ
ต่างลงทุนอยากได้ แสวงหา
ขอแค่ได้มันมา สุขไซร้
ยามทุกข์หลั่งน้ำตา ก้มกราบ เงินนา
เงินอาจดับทุกข์ให้ ช่วยได้จริงฤๅ
อย่ายึดถือมากไซร้ ระวัง
ลดค่ามันลงบ้าง เพื่อนพ้อง
ตายลงอย่าคิดหวัง หิ้วหอบ ไปนา
รวยแค่ไหนจำต้อง ร่ำไห้ทุกราย
เงินช่วยได้แค่ใช้ จับจ่าย
แค่สะดวกสบาย ปลดหนี้
ทุกข์ใจหมดความหมาย ไม่อาจ ช่วยนา
หรือว่าภพชาตินี้ เกิดแล้วเพื่อเงิน ฯ
๏ รับรู้ แบ่งเบา
ยามเมื่อคราวเคราะห์ร้าย เยี่ยมเยือน
ธรรมชาติตอกย้ำเตือน บอกใบ้
ตื่นรู้อย่าเลอะเลือน โทษนี่ โน่นนา
เป็นเช่นนี้รู้ไว้ ต่างต้องทำใจ
ใช่อยากได้เรียกร้อง แสวงหา
ต่างสะดุ้งหวาดผวา ทั่วหล้า
เราเขาเมื่อถึงตา ยากหลบ หลีกนา
ทุกถิ่นที่ไม่ช้า เคราะห์ร้ายเยี่ยมเยือน
เขาคือเพื่อนร่วมห้อง เกิดตาย
ร่วมแบ่งเบาผ่อนคลาย ทุกข์ไซร้
น้ำใจใช่มากมาย หยิบยื่น ส่งนา
อยากเช็ดน้ำตาให้ สุดซึ้งงดงาม ฯ
๏ ผูกพัน
ผูกพันคือโซ่สร้อย รัดรึง
คนสัตว์ต่างถูกตรึง ล่ามไว้
เวียนวนคิดรำพึง ครวญคร่ำ
เว้นแต่มุนีไซร้ อาจแก้จองจำ ฯ
๏ อกุศล
ความโกรธคือไฟ
เผาใจให้ร้อนรน
วอดวายกันทุกคน
ความอดทนช่วยดับไฟ
ความโลภคือโรคร้าย
วุ่นวายอยู่ร่ำไป
หลับตื่นหวังกำไร
การให้ช่วยคลี่คลาย
ความหลงคือมืดมิด
สิ้นคิดจนวันตาย
ผิดพลาดทุกเป้าหมาย
สงบได้เห็นเส้นทาง ฯ
๏ นิทานชีวิต
คลอดคลานเติบใหญ่ขึ้น ตามกาล
เริ่มหัดเขียนเรียนอ่าน รอบรู้
เสาะหาซึ่งเงินงาน เลี้ยงชีพ
เช้าค่ำดิ้นรนสู้ อิ่มท้องเก็บกำ
สุขสำราญผ่านพ้น คืนวัน
ทุกข์แทรกสลับกัน เรื่อยไซร้
หารักเสพสุขสันต์ ครองคู่
กินเที่ยวเล่นไกลใกล้ สุขไซร้โลกีย์
มีลูกหลานหยอกเย้า เลี้ยงดู
มีที่กินที่อยู่ เสกสร้าง
คิดคาดวาดหวังหรู ฝันใฝ่
สำเร็จบ้างพลาดบ้าง ต่างเฝ้าลุ้นรอ
พอเก็บก่อห่อไว้ บ่นาน
เรือนร่างขันธ์สังขาร เสื่อมสิ้น
เริ่มแก่ย่นหนังยาน เจ็บป่วย
ต่างหวาดกลัวร้องดิ้น ฉุดยื้อรักษา
สังขาราเที่ยงแท้ บ่มี
ต้องแตกดับเป็นผี หมดไซร้
เงินทองที่ว่าดี ไร้ค่า
ฉากสุดท้ายเหลือไว้ ชั่วช้าดีงาม
ชีวิตมีแค่นี้ หรือหนอ
สู้เที่ยวเก็บก่อ ห่อไว้
มือเปล่าน่าหัวร่อ ตายจาก
คนอยู่ต่างร่ำไห้ กรวดน้ำแบ่งบุญ ฯ
๏ คาถาดับพิษไฟ
เรื่องมากก็มากเรื่อง
สิ้นเปลืองเวล่ำเวลา
มากเรื่องมากปัญหา
ตามว่าก็จบกัน
เยอะไปก็น่าเบื่อ
ขาดเหลือก็ช่างมัน
สรรพเรื่องทุกสิ่งอัน
สำคัญที่ใจเรา ฯ
๏ ประมาท
รอพรั่งพร้อมชาตินี้ อย่าหวัง
แม้ชาติหน้าคงยัง ยากไซร้
เพียรแหวกว่ายถึงฝั่ง สำเร็จ
เกี่ยวเก็บสั่งสมไว้ ไม่ช้าเติมเต็ม ฯ
๏ ใจเย็นๆ
เรียกร้องทำไมฤา
มันก็คือกรรมของเรา
ชาตินี้จึงโง่เขลา
กรรมเก่าจึงเอาคืน
ช่างมันอย่าคิดมาก
บางสิ่งยากกัดกลืน
ข่มใจอดทนฝืน
วันมะรืนคงเบาบาง
โลกเป็นเช่นฉะนี้
วางท่าทีให้ถูกทาง
บางเรื่องต้องปล่อยวาง
ทุกสิ่งอย่างต้องใช้เวลา
เดี๋ยวนี่ให้ทันใจ
เกิดกองไฟเผาทันตา
สิ่งดีคือปัญญา
ค่อยๆ คิดหาวิธีการ ฯ
๏ มีค่าเท่ากัน
เราท่านมีค่าแล้ว เท่ากัน
ตายเกิดได้ฉับพลัน ทั่วหน้า
ใช่คนป่วยเท่านั้น มีสิทธิ์
เราท่านในไม่ช้า ต่างต้องเจ็บตาย ฯ
๏ ห่วงใย
เพิกเฉยในความดี
เมินหน้าหนีเมื่อเจอบุญ
คิดร้ายต่อผู้มีคุณ
ช่างขาดทุนที่เกิดมา
บาปกรรมต่างชื่นชม
หลงนิยมเรื่องกามา
จิตเสื่อมต่อศาสนา
ปรารถนาแค่โลกีย์
แค่นี้หรือปัญญา
ได้เกิดมาโคตรโชคดี
มัวหลงหลับไม่เข้าที
ชาตินี้น่าเสียดาย
ค่าของคนคือผลงาน
อีกไม่นานก็ลาตาย
รอพรุ่งนี้อาจจะสาย
รีบขวนขวายที่พึ่งใจ ฯ
๏ คาถาป้อนข้าว
กินเถิดขอให้เกิดปัญญา
ภายภาคหน้าขอให้เป็นเศรษฐี
โตไปขอให้เป็นคนดี
ชาตินี้จงอย่ามีทุกข์ท้อเลย ฯ
๏ ชอบชัง
ยามชื่นชอบ ยอมมอบกาย ถวายชีวิต
ไม่มีจิต คิดเสียดาย ในภายหลัง
ยามรังเกียจ เกลียดขี้หน้า อิจฉาชัง
ไม่เหลียวหลัง คิดแยแส แม้แลมอง
สองสิ่งนี้ มีอยู่คู่ หมู่มนุษย์
ค่ำเช้าผุด ฉุดลากใจ ให้หม่นหมอง
ทั้งชอบชัง หวังสุขใจ ควรไตร่ตรอง
ร้ายทั้งสอง ลองคิดดู จะรู้เอง ฯ
๏ พิจารณา
เก็บอดีต มาคิด พินิจแก้
ทั้งดีแย่ ตรวจดู เป็นครูสอน
มองข้างหน้า เตรียมฝัน ทุกขั้นตอน
อย่ามัวนอน เล่นหลับ อับปัญญา ฯ
๏ วิบาก
จะรวยจน ทุกข์ท้อ ทรมาน
จะชั่วดี ฉลาดพาล สุขไซร้
อย่าโทษเทพ บันดาล ลิขิต
โทษสู่เจ้า ก่อไว้ ส่งให้เสวยผล ฯ
๏ ตัณหา
ต่างโลดแล่นไขว่คว้า โลกีย์
ต่างอยากได้อยากมี คลั่งไคล้
ต่างเริงรื่นยินดี ชื่นชอบ
ต่างเจ็บปวดร่ำไห้ พิษร้ายโลกีย์ ฯ
๏ โลกียธรรม
รูป ต้องตาแอบจ้อง เสน่หา
เสียง อ่อนหวานตรึงตรา เคลิบเคลิ้ม
กลิ่น หอมชื่นอุรา เติมแต่ง
รส ซาบซ่านย้อยเยิ้ม อร่อยลิ้นจดจำ
สัมผัส อ่อนนุ่มเนื้อ เคลียคลอ
ธรรมารมณ์จิตหนอ คิดไซร้
ทุกข์ ท่วมทับใจคอ เศร้าโศก
สุข อิ่มเอิบกอดไว้ ชาตินี้โหยหา
นินทา พ่นพิษใส่ร้าย ป้ายสี
สรรเสริญ ยกยอดี เลิศไซร้
ได้ลาภ อยากมั่งมี เช้าค่ำ
ได้ยศ วาดหวังไว้ ตื่นเต้นเฉลิมฉลอง
เสื่อมลาภ ครองโศกเศร้า เสียดาย
เสื่อมยศ ต่างอับอาย หลบหน้า
มนุษย์ต่างวุ่นวาย เช้าค่ำ
ต่างวิ่งไล่ไขว่คว้า ทั่วหน้าจนตาย ฯ
๏ เมตตา
เมตตาธรรม ค้ำจุน การุณโลก
ปลดเปลื้องโศก โชคร้าย ให้หายสูญ
คอยโอบอุ้ม คุ้มภัย ใจเกื้อกูล
ให้สมบูรณ์ พูนเพิ่ม ส่งเสริมกัน
ความริษยา พยาบาท อาฆาตร้าย
ตัวทำลาย ขายชาติ ขาดสุขสันต์
โลกเดือดร้อน นอนผวา เข่นฆ่ากัน
ยิ่งนับวัน เลื่อนขั้น สู่บรรลัย ฯ
๏ คู่
มีคู่บุญ ค้ำจุน หนุนชีวิต
ดุจเข็มทิศ ชี้ทาง สว่างไสว
จิตเบิกบาน งานดี มีกำไร
ทั้งกายใจ ไร้ทุกข์ เสพสุขสบาย
มีคู่กรรม นำทุกข์ ติดคุกมืด
ทุกสิ่งฝืด จืดไซร้ ไร้ความหมาย
ทั้งครอบครัว หัวหมุน แสนวุ่นวาย
พบโชคร้าย ตายห่า บ้าทั้งเป็น
อยากได้คู่ อยู่ข้าง ร่วมสร้างสุข
หมดสิ้นทุกข์ หม่นไหม้ ไร้ยากเข็ญ
เป็นคู่บุญ หนุนทรัพย์ นับเช้าเย็น
สิ่งจำเป็น ต้องขยัน หมั่นทำบุญ ฯ
๏ รีบลงมือ
อย่ามัวหวัง นั่งเหม่อ เฝ้าเฟ้อฝัน
วันทั้งวัน ขยันฟุ้ง ดูยุ่งเหยิง
ไม่ลงมือ ถือเอา เขลาสิ้นเชิง
หลงระเริง ลมปาก ลำบากตน
จะได้ดี มีนั่น ถ้าหมั่นขอ
อดใจรอ เถิดหนอ ก็เกิดผล
ไม่กัดกลืน ยืนจ้อง ต้องอับจน
ตนพึ่งตน จึงได้ ดั่งหมายปอง
ไม่มีบุญ ทุนเก่า ให้เป่าเสก
ช่วยลงเลข เขกให้ ไร้สมอง
บุญไม่ก่อ รอรวย ซวยซ้ำสอง
ไม่จับจอง ลองทำ กรรมของใคร ฯ