ข้อคิดข้างเมรุ


งานบำเพ็ญกุศลศพ เป็นงานที่แสดงออกซึ่งความกตัญญู รู้คุณ
ความรัก ความเคารพ ความอาลัยระหว่างคนเป็นกับคนตาย
ว่าโดยหลักธรรมแล้ว งานศพเป็นงานที่เอื้อต่อจิตวิญญาณ
ในการคิดใคร่ครวญ เรื่องอรรถเรื่องธรรม
ความจริงของชีวิตได้ดีมาก
ไปงานศพในแต่ละครั้ง เหมือนการได้เข้าไปเรียนวิชาชีวิต

งานศพ คือ งานสรุปผลงานของชีวิตคนทั้งชีวิต
การเจริญมรณสติ คือ เฝ้าพิจารณา การระลึก นึกถึง คิดถึงความตาย
ที่จะเกิดขึ้นในชีวิตของตน และคนใกล้ตัว
พระพุทธเจ้าพระองค์ทรงสรรเสริญว่า
เป็นยอดแห่งธรรม ยอดแห่งกุศล ที่จะช่วยให้ชีวิตได้ตื่นรู้
ไม่ตกอยู่ในห้วงเหวแห่งความประมาท ขาดสติ ขาดปัญญา

บทกวีชุด ข้อคิดข้างเมรุ แต่งขึ้นเพื่อเป็นอุปกรณ์สอนใจ เป็นเครื่องมือ
เป็นแสงสว่าง เป็นลู่ทาง เป็นช่องทางให้แก่สติปัญญา
ได้ขบคิด ได้พิจารณา หยิบยกเหตุการณ์ในงานศพ
เพื่อน้อมมาพินิจพิจารณา จนจิตได้รับผล
คือ ความสะอาด ความสว่าง ความสงบ ความอิสระ ปล่อยละปล่อยวาง
อันเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้มีความสุข แห่งชีวิตจิตใจยิ่งๆขึ้นไป.

โลก คือ โรงละครชีวิต
———————
๏ ผู้รู้ท่านกล่าวชี้ บอกสอน
โลกเช่นโรงละคร เปรียบไว้
ทุกฉากทุกบทตอน เราท่าน แสดงนา
รับบทดีชั่วไซร้ ขับร้องร่ายรำ ๚ะ

๏ กรรมผู้กำกับชี้ ลีลา
มีโศกเศร้าน้ำตา ร่ำไห้
รื่นเริงชื่นอุรา สุขทุกข์ เล่นนา
ปิดฉากอวสานไซร้ แต่ล้วนต้องตาย ๚ะ๛

เรา คือ ตัวละคร
————–
๏ เราคือคนหนึ่งไซร้ ผู้แสดง
รับบทร่วมสีแสง แต่งแต้ม
แต่ละฉากร้อนแรง ทั้งรัก ร้ายนา
บางบทมียิ้มแย้ม สุขเคล้าเคลียคลอ ๚ะ

๏ ร่วมห้องหอร่วมร้อง เฮฮา
เล่นสนุกตามประสา คลั่งไคล้
ปิดฉากต่างอำลา ลืมคิด เตรียมนา
มือเปล่าลาโลกไซร้ ละทิ้งเรือนกาย ๚ะ๛
คาดไม่ถึง คิดไม่ถึง
——————-
๏ ตายเมื่อไหร่ไม่รู้ เวลา
ต่างนั่งนอนหวาดผวา หลีกลี้
พึ่งหมอพึ่งหยูกยา หวังรอด พ้นนา
ยิ่งกว่าหลบเจ้าหนี้ ไม่พ้นสักราย ๚ะ

๏ ความตายคือมิตรแท้ ติดตาม
เฝ้าอยู่ทุกโมงยาม ค่ำเช้า
ถึงคราวไม่ฟังความ บอกกล่าว กันนา
มนุษย์สัตว์ล้วนย่างก้าว สู่ห้องประหาร ๚ะ๛

น้ำตา
——
๏ ความตายพรากหมดสิ้น ทรัพย์สิน
ทั้งที่อยู่ที่กิน พรากไซร้
เรือนร่างกลับสู่ดิน เป็นถ่าน เถ้านา
เหลือแต่ดีชั่วไว้ โลกรู้บูชา ๚ะ

๏ น้ำตาคนอยู่ไซร้ รินไหล
ต่างโศกเศร้าอาลัย ร่ำไห้
รักมากยิ่งเสียใจ ก้อนทุกข์ ใหญ่นา
อาจร่วมตายตามไซร้ พิษร้ายเสน่หา ๚ะ๛

ของกู
——
๏ มีรักหนึ่งทุกข์นั้น หนึ่งกอง
มีรักสองทุกข์สอง ร่วมห้อง
มากรักมากยึดครอง มากทุกข์ แบกนา
ต่างหลั่งน้ำตาร้อง โศกเศร้าผูกพัน ๚ะ

๏ จากกันเพียงแค่เสี้ยว นาที
ใจแทบขาดรู้ดี ทั่วหน้า
ตายจากสู่เมืองผี ยิ่งทุกข์ มากนา
มนุษย์สัตว์ล้วนเป็นบ้า เหตุด้วยของกู ๚ะ๛

รดน้ำศพ
———
๏ ศพแบมือบอกใบ้ สัจธรรม
ว่าก่อนนั้นเคยกำ ทรัพย์ไว้
บัดนี้ช่างน่าขำ มือเปล่า ไปนา
ทุกสิ่งล้วนทิ้งไว้ ต่างรู้ดูเห็น ๚ะ

๏ เป็นเศรษฐีมากล้น เงินตรา
เคยเก็บเกี่ยวแสวงหา กอดไว้
แม้คนทุกข์อนาถา หาเก็บ กินนา
มือเปล่าเช่นกันไซร้ ละทิ้งลงโลง ๚ะ๛

ลาภและยศ
———–
๏ ยศและลาภหาบหิ้ว อย่าหวัง
มีแต่บาปบุญขลัง หาบได้
ยศลาภบ่จีรัง ห่อนเที่ยง แท้นา
มากพิษหลงติดร้าย อาจบ้าเสียคน ๚ะ

๏ ฝืนอดทนต่อสู้ แสวงหา
ทนทุกข์เพื่อแลกมา เก็บไว้
สูญเสียหลั่งน้ำตา เพราะสิ่ง นี้นา
ยื้อแย่งแข่งกันไซร้ สุดท้ายได้โลง ๚ะ๛

ธูปดอกเดียว
————
๏ ธูปดอกเดียวจุดไว้ บูชา
ควันธูปลอยไปมา กลิ่นฟุ้ง
มอดไหม้ทุกเวลา ส่งกลิ่น หอมนา
คนกล่าวชมทั่วคุ้ง กลิ่นฟุ้งความดี ๚ะ

๏ มีบุญบุญย่อมฟุ้ง กลิ่นหอม
มีบาปบาปเน่าย้อม คลื่นไส้
มีบุญต่างยกยอม ก้มกราบ ไหว้นา
มีบาปบาปสาปให้ โลกนี้เกลียดชัง ๚ะ๛

เทียน
——
๏ เทียนจุดแล้วมอดไหม้ ละลาย
สาดส่องแสงมืดหาย สว่างจ้า
คนเราหากก่อนตาย ดั่งเช่น เทียนนา
กายดับดีคู่ฟ้า โลกนี้โมทนา ๚ะ

๏ ค่าของคนท่านชี้ ความดี
หากก่อกรรมอัปรีย์ เสื่อมไซร้
เทียนเล็กแต่คุณมี ช่วยโลก สว่างนา
ก่อนดับก่อคุณไว้ อย่าให้อายเทียน ๚ะ๛

บ่วง
——–
๏ บ่วงบุตรผูกมัดไว้ กังวล
บ่วงทรัพย์ผูกดิ้นรน ไขว่คว้า
บ่วงรักผูกจิตตน เฝ้ากก กอดนา
บ่วงโลกผูกคนบ้า แบกไว้จนตาย ๚ะ

๏ วุ่นวายอีกเร่าร้อน สับสน
เช้าค่ำเวียนวกวน แค่นี้
เดี๋ยวโน่นนี่ยอมทน เพื่ออยู่ รอดนา
ติดบ่วงคล้ายติดหนี้ ยากแก้ไถ่ถอน ๚ะ๛

วัดวา
—–
๏ ห่างบุญใกล้บาปไซร้ ปัญหา
ห่างหลักธรรมศาสนา ยึดไว้
ห่างพระห่างวัดวา ย่อมห่าง สุขนา
เข้าวัดตอนตายไซร้ คิดแล้วชอบกล ๚ะ

๏ บุญกุศลปฏิเสธแล้ว สิ้นเชิง
เรื่องโลกหลงระเริง คลั่งไคล้
เห็นวัดวิ่งกระเจิง หลบหลีก หนีนา
คิดผิดคิดใหม่ไซร้ อาจแก้ทันกาล ๚ะ๛

ลูกหลาน
———-
๏ ลูกหลานญาติมิตรนั้น นอกกาย
อาจช่วยเหลือผ่อนคลาย ชิดใกล้
พึ่งพาก่อนวันตาย อบอุ่น ใจนา
ก่อสุขกายใจให้ รักได้อย่าหลง ๚ะ

๏ หัดคิดปลงห่างไว้ ก่อนตาย
รักมากจิตวุ่นวาย ห่วงไซร้
ทุกอย่างสิ่งนอกกาย ตายจาก กันนา
รีบละสละวางไว้ ตัดทิ้งกังวล ๚ะ๛

เงินทอง
——–
๏ เงินทองอาจช่วยได้ รักษา
ยามขัดสนพึ่งพา ง่ายได้
ยามตายหมดปัญญา ไม่อาจ ช่วยนา
บุญบาปสิ่งสุดท้าย พึ่งได้รับรอง ๚ะ

๏ เงินทองคือเครื่องปลื้ม แห่งใจ
แค่สิ่งของอาศัย แค่นั้น
ยึดติดอาจก่อภัย ทุกข์โทษ มากนา
หากโลภหลงปิดกั้น สุขแท้ทางสวรรค์ ๚ะ๛

โลง
——
๏ บ้านหลังเล็กสุดท้าย ของคน
จะยากดีมีจน คับฟ้า
นักปราชญ์ฉลาดพาลชน ไม่อาจ เลือกนา
คนทุกคนถ้วนหน้า ไม่พ้นนอนโลง ๚ะ

๏ จะโกงเก่งเลิศล้ำ อมตะ
จะยิ่งใหญ่ชัยชนะ ทั่วหล้า
ทุกเชื้อชาติวรรณะ แม้พระ ด้วยนา
อย่าอวดเก่งอวดกล้า ไม่ช้าเข้าโลง ๚ะ๛

ดอกไม้หน้าโลง
————
๏ ดอกไม้ตกแต่งไว้ เรียงราย
สีสดสวยหลากหลาย จัดไว้
ในโลงร่างคนตาย นอนนิ่ง เน่านา
ปกปิดมิดชิดไว้ ดอกไม้คล้ายคน ๚ะ

๏ ดอกเหี่ยวหล่นร่วงแล้ว เก็บกวาด
ดอกใหม่สดสะอาด แต่งไว้
คนตายใช่ประหลาด ดั่งดอก ไม้นา
มีเหี่ยวหอมเหม็นไซร้ แรกแย้มร่วงโรย ๚ะ๛

ทรัพยสมบัติ
———–
๏ หลายชั่วคนเก็บไว้ ครอบครอง
มรดกมีหลายกอง มากไซร้
ทรัพย์สินอีกเงินทอง ขึ้นชื่อ รวยนา
ล้วนต่างทิ้งเอาไว้ มอบให้ลูกหลาน ๚ะ

๏ กาลเวลาผ่านพ้น ร้อยหน
มรดกต่างเวียนวน เปลี่ยนย้าย
คิดดูแปลกชอบกล ต่างปล่อย ทิ้งนา
คนทุกคนหาได้ หอบหิ้วลงโลง ๚ะ๛

โลภะ
———-
๏ ตัดพ่อแม่เพื่อนพ้อง เครือญาติ
ต่างแก่งแย่งวิวาท โกรธแค้น
เพราะสมบัติตัดขาด เข่นฆ่า กันนา
ทำทุกอย่างหากแม้น แค่ได้ครอบครอง ๚ะ

๏ มองไม่เห็นโทษไซร้ หากหลง
เห็นแต่คุณยากปลง ปรับแก้
ตัวโลภต่างยุยง ให้คิด แคบนา
ชีวิตหาเที่ยงแท้ ไม่ช้าก็ตาย ๚ะ๛

ไม่พอ
——–
๏ หากฝนตกจากฟ้า เป็นทอง
ยกทุกสิ่งมากอง มอบให้
คนโลภต่างอยากครอง ทั้งหมด ไว้นา
คำว่า”พอ”นั้นไซร้ อย่าได้คิดกัน ๚ะ

๏ วันวันต่างคิดแล้ว อยากมี
คิดอยากได้อยากดี คลั่งไคล้
ทุกภพชาติตลอดปี ต่างวาด หวังนา
คิดอยากแบ่งปันให้ ชาตินี้อย่าหวัง ๚ะ๛

สิ่งสมมติ
———
๏โนน่นี่นั่นแต่ล้วน ของกู
หาใช่ของพวกสู อย่าใกล้
ปรุงแต่งค่าเลิศหรู หลงรัก ปลื้มนา
ล้วนสิ่งสมมติไซร้ ไม่รู้ความจริง ๚ะ

๏ วิ่งไล่ล่าเพื่อคว้า จับจอง
นอนคิดนั่งเฝ้ามอง อยากได้
ปัญญาหมั่นไตร่ตรอง ก่อนดับ ตายนา
อาจละกิเลสร้าย ชะล้างจิตตน ๚ะ๛

รูปภาพ
——-
๏ รูปภาพใส่กรอบตั้ง หน้าโลง
เห็นภาพคิดเชื่อมโยง อดีตไซร้
คนดีชั่วตัวโกง สื่อบอก ความนา
ภาพหนึ่งภาพบอกให้ โลกรู้คือใคร ๚ะ

๏ ข้างในโลงใส่ไว้ เรือนกาย
รูปภาพชี้ขยาย ชื่อไว้
ความดีชั่วอธิบาย ทราบแก่ ใจนา
เรือนร่างเผาทิ้งไซร้ ภาพนั้นย้ำเตือน ๚ะ๛

ละครปิดฉาก
————
๏ รับบทบาทหน้าที่ แสดงมา
เป็นนั่นนี่เวลา หมดไซร้
ละครจบปิดตา ต่างแยก ย้ายนา
รับบทดีชั่วไว้ ต่างรู้แก่ใจ ๚ะ

๏ ในละครเล่นแล้ว บทดี
เพิ่มค่าแห่งศักดิ์ศรี มนุษย์ไซร้
เล่นแต่บทอัปรีย์ คุณค่า หมดนา
ก่อนปิดฉากจบไซร้ เลือกไว้บทดี ๚ะ๛

ความตาย
————
๏ เรื่องตายควรคิดไว้ ทุกวัน
ก่อซึ่งสุขให้พลัน สงบได้
โลภหลงเกลียดชังกัน ช่วยดับ คลายนา
ทั้งเรื่องรักเรื่องร้าย ดับได้สบายใจ ๚ะ

๏ ใครกล้าคิดย่อมได้ ปัญญา
ดับซึ่งเรื่องตัณหา เร่าร้อน
ดับกิเลสมายา ปรุงแต่ง ใจนา
ถอนซึ่งอัตตาก้อน ละได้ตัวตน ๚ะ๛

คิด

๏ คิดเรื่องรักจิตฟุ้ง ร้อนรน
คิดเรื่องเงินสับสน หนักอึ้ง
คิดงานเหนื่อยเหลือทน ยิ่งเครียด กลุ้มนา
คิดเรื่องตายจิตซึ้ง สงบได้ปล่อยวาง ๚ะ

๏ ต่างคนต่างไม่กล้า แม้คิด
กลัวจะจบชีวิต ง่ายได้
ต่างคนต่างปล่อยจิต คิดเรื่อง กามนา
ยิ่งคิดยิ่งทุกข์ร้าย รุ่มร้อนเผาใจ ๚ะ๛

พระสวด
———
๏ พระสวดใช่สวดให้ วิญญาณ
ใช่แค่พิธีการ สวดไซร้
ใช่สวดเพื่อสืบสาน ตามแบบ ถือนา
แต่สวดเพื่อเตือนให้ ตื่นรู้ก่อนตาย ๚ะ

๏ ความหมายบทสวดนั้น เตือนเรา
อย่าคิดหลงมัวเมา โง่ไซร้
สักวันต่างถูกเผา เจ็บป่วย ตายนา
ฟังสวดจิตคิดไว้ ไม่ช้าถึงเรา ๚ะ๛

เคาะโลง
———
๏ เคาะโลงเพื่อบอกให้ คนตาย
จงรับบุญทั้งหลาย ส่งให้
เนื้อแท้แห่งความหมาย ใช่บอก ศพนา
เคาะบอกคนเป็นไซร้ เพื่อให้เตรียมตัว ๚ะ

๏ อย่ามัวประมาทไซร้ ทุกคน
รีบเร่งสร้างกุศล ก่อไว้
ตายแล้วอย่าหวังผล จากญาติ ให้นา
เราก่อเก็บเองไซร้ อย่าได้พึ่งใคร๚ะ๛

อาหารหน้าโลง
————–
๏ อาหารตั้งเซ่นไหว้ บูชา
จุดธูปกล่าวเรียกมา รับไซร้
ก่อนตายไม่เรียกหา หยิบยื่น ให้นา
เป็นศพต่างมอบให้ กราบไหว้เชื้อเชิญ ๚ะ

๏ ยามเดินได้นั่งได้ ไม่แล
ยามอยู่ไม่แยแส รับใช้
ตายลงต่างยกแห่ ประกาศ คุณนา
ตายจากต่างร่ำไห้ คิดได้สายไป ๚ะ๛

ชุดดำ
——-
๏ แต่งชุดดำเพื่อไว้ อาลัย
เหตุแห่งการจากไป ภพหน้า
ญาติมิตรต่างเสียใจ แสดงออก กันนา
กลับแต่งสวยหยาดฟ้า อวดหน้าอวดตา ๚ะ

๏ แต่งหน้าทาเครื่องแป้ง หรูหรา
เครื่องประดับล้ำค่า ใส่ไว้
หาได้คิดลืมตา ดูซาก ศพนา
แต่ก่อนเช่นเราไซร้ สุดท้ายเน่าเหม็น๚ะ๛

ทอดผ้าบังสุกุล
————–
๏ ทอดผ้าอุทิศให้ กุศล
พระสวดชักหวังผล ส่งให้
พระสวดบอกทุกคน ล้วนแต่ ตายนา
เราท่านเช่นกันไซร้ เกิดแล้วต้องตาย ๚ะ

๏ ยกมือไหว้จิตนั้น รีบปลง
อีกไม่ช้าเราคง เช่นนี้
วันนี้อาจเดินลง กลับสู่ บ้านนา
เราท่านยากหลบลี้ พรุ่งนี้อาจตาย ๚ะ๛

โปรยทาน
———
๏ ต่างวิ่งแย่งเก็บไว้ เป็นกำ
เด็กเด็กต่างวิ่งนำ ออกหน้า
โปรยทานเพื่อบอกย้ำ เตือนจิต เรานา
คนส่วนมากไขว่คว้า อยากได้เงินทอง ๚ะ

๏ มองศพแล้วกลับย้อน ดูตน
ดูภาพแห่งหมู่คน แย่งไซร้
โลกหนอโลกเวียนวน อยู่แค่ นี้นา
คิดอยากกอดเก็บไว้ มากไซร้ยิ่งดี ๚ะ๛

ดอกไม้จันทน์
————–
๏ ดอกไม้จันทน์ดอกไม้ คนตาย
เป็นดอกไม้สุดท้าย มอบให้
ต้องได้รับทุกราย หากเกิด ตายนา
คือดอกไม้เตรียมไว้ มอบให้ทุกคน ๚ะ

๏ ทุกชนชั้นไม่เว้น ตัวเรา
ล้วนแต่ต้องรับเอา ทั่วหน้า
ชีวิตสุดท้ายเผา ยากหลีก หลบนา
ดอกดอกนี้ไม่ช้า ต่างได้ชื่นชม ๚ะ๛

เหรียญบาทในปากผี
——————–
๏ เอาเหรียญบาทใส่ไว้ ในปาก
เป็นอุบายสอนฝาก มนุษย์ไซร้
ว่าอย่าโลภหลงมาก ดูศพ บ้างนา
เหรียญบาทที่อมไว้ ห่อนได้เอาไป ๚ะ

๏ ต่างทิ้งไว้ทั่วพื้น ดูเอา
เรือนร่างถูกไฟเผา มอดไหม้
เหรียญบาทหล่นข้างเตา กระดูก เหลือนา
เก็บห่อผ้าขาวไว้ แค่นี้คิดดู ๚ะ๛

ดูหน้าครั้งสุดท้าย
—————–
๏ ก่อนเผาเรือนร่างไร้ วิญญาณ
ทั้งญาติมิตรลูกหลาน พรั่งพร้อม
ทุกคนต่างต้องการ ดูก่อน เผานา
ยื่นนิ่งอยู่แวดล้อม ร่ำไห้ส่งทาง ๚ะ

๏ เรือนร่างเมื่อก่อนนั้น ดูดี
เปลี่ยนจากคนเป็นผี คลื่นไส้
ดูน่าเกลียดน่าบัดสี รีบปิด ตานา
ศพเน่าสอนเราไว้ เช่นนี้ร่างกาย ๚ะ๛

กลิ่นศพ
——–
๏ กลิ่นศพเหม็นเน่าฟุ้ง ตามลม
แต่ก่อนต่างเชยชม ชอบไซร้
ตายลงไม่อาจดม สูดกลิ่น อีกนา
รีบฉีดยาปิดไว้ หลบหน้าหวาดกลัว ๚ะ

๏ เป็นผัวเมียร่วมห้อง เคียงหมอน
เป็นเพื่อนร่วมห้องนอน ชิดใกล้
พอเป็นศพลาก่อน รีบวิ่ง หนีนา
เคยรักกลับเกลียดไซร้ บอกให้ไปดี ๚ะ๛

เมรุ
—-
๏ ผูกผ้าตกแต่งไว้ สวยงาม
ทั้งดอกไม้เพิ่มความ เด่นไซร้
เมรุเผาตกแต่งตาม ความเก่ง ช่างนา
เพื่อประกาศคุณให้ โลกรู้กตัญญู ๚ะ

๏ ศพนอนอยู่รับรู้ หรือไม่
หรือแค่ความพอใจ คิดได้
ตอนเป็นอยู่ลืมไป ลืมคิด คุณนา
ตายจากรีบยกป้าย แซ่ซ้องสรรเสริญ ๚ะ๛

ไฟ
—-
๏ ไฟลุกเผามอดไหม้ มลาย
ชั่วพริบตาร่างหาย หมดสิ้น
ก้อนเนื้อเปลี่ยนกลับกลาย สู่ธาตุ สี่นา
หาเจ็บปวดร้องดิ้น เช่นนี้คนตาย ๚ะ

๏ หญิงชายมนุษย์สัตว์ไซร้ ตอนเป็น
ต่างถูกเผาเช้าเย็น หม่นไหม้
ไฟกิเลสล้วนเห็น เผาอยู่ เรื่อยนา
ต่างกอดกองไฟไว้ ร่ำไห้คร่ำครวญ ๚ะ๛

กระดูก
——–
๏ เหลือเพียงกระดูกไซร้ เรียงราย
ชั่วพริบตาใจหาย น่าเศร้า
ทุกสิ่งอย่างสูญสลาย เหลือแต่ ชื่อนา
เรือนร่างเป็นขี้เถ้า โลกล้วนอนิจจัง ๚ะ

๏ เมื่อครั้งชีวิตนี้ มีอยู่
บุญกุศลยกชู เชื่อไว้
กระดูกย่อมน่าดู ควรแก่ กราบนา
หากขาดความดีไซร้ ค่านั้นเศษดิน ๚ะ๛

โกศ
——
๏ กระดูกไม่กี่ชิ้น เก็บมา
ใส่โกศเก็บรักษา กราบไหว้
บ้างฝากที่วัดวา ช่วยเก็บ ไว้นา
บ้างก่อเจดีย์ไว้ เก็บทิ้งมากมี ๚ะ

๏ ความดีเพิ่มค่าให้ เลิศล้ำ
กระดูกคนมีธรรม ต่างไหว้
ค่ายิ่งกว่าทองคำ ยกเปรียบ ไว้นา
กระดูกคนบาปไซร้ ต่างล้วนดูแคลน ๚ะ๛

ลืมคิด
——
๏ หากลืมคิดพรุ่งนี้ อาจตาย
จิตย่อมหลงรูปกาย เที่ยงแท้
จิตย่อมยึดมั่นหมาย ในทุก สิ่งนา
จิตยากปรับเปลี่ยนแก้ สู่เส้นทางธรรม ๚ะ

๏ อาจก่อกรรมคิดร้าย อกุศล
อาจคิดโลภหวังผล คลั่งไคล้
อาจหลงผิดว่าตน อยู่คู่ โลกนา
อาจประมาทมากไซร้ เที่ยวสร้างบาปกรรม ๚ะ๛

ไม่แน่
——-
๏ เห็นหน้าอยู่รุ่งเช้า สายตาย
ตอนเที่ยงเห็นสุขสบาย บ่ายม้วย
ยามเย็นเล่นพักกาย ตกดึก ตายนา
เลือกที่ไม่ได้ด้วย หากเจ้าสิ้นบุญ ๚ะ

๏ หากทุนเคยก่อไว้ ความดี
ย่อมสู่สวรรค์ทันที ผ่องแผ้ว
หากจิตชั่วบาปมี ย่อมสู่ นรกนา
บุญบาปส่งทางแล้ว เมื่อเจ้าตายลง ๚ะ๛

หลง
——-
๏ หลงกายว่าเที่ยงแท้ คงทน
หลงว่าเก่งเลิศล้น คับฟ้า
หลงงามว่ากายตน ไม่แก่ เลยนา
หลงบ่วงตัณหาบ้า แก่แล้วหลงกาม ๚ะ

๏ รูปนามเรือนร่างไร้ ตัวตน
ธาตุสี่ประชุมพล เสื่อมได้
แก่ตายเจ็บทุกคน หาหลีก พ้นนา
ตายก่อนตายถึงได้ แก่นแท้พุทธธรรม ๚ะ๛

เงาตามตัว
———-
๏ ความตายไล่ล่าเจ้า ทุกยาม
เปรียบดั่งเงาติดตาม ค่ำเช้า
หมดบุญรีบเตรียมหาม ยกใส่ โลงนา
คนทุกคนต้องก้าว สู่ห้องหอตาย ๚ะ

๏ จงอย่าได้ละทิ้ง ความดี
หมั่นอบรมให้มี ก่อไว้
บาปชั่วสิ่งอัปรีย์ ละเลิก หยุดนา
เช้าค่ำเตรียมตัวไซร้ ชาติหน้ายังมี ๚ะ๛

ฝากไว้ให้คิด
—————
๏ อย่าเป็นวัวอวดกล้า ลืมตีน
เที่ยวอวดเหยียบป่ายปีน ท่านไซร้
เจียมตนเยี่ยงชาวจีน หนีถิ่น ตายนา
อดอยากเก็บออมไว้ ต่อสู้อดทน๚ะ

๏ พ้นยากจนอย่าได้ ลืมตัว
เที่ยวก่อกรรมทำชั่ว ผิดไซร้
กอดสมบัติเมามัว หวังแต่ ได้นา
หัดแบ่งปันแจกให้ อย่าได้หนืดเหนียว๚ะ

๏ เที่ยวโปรยทานหว่านให้ แก่โลก
เผื่อแผ่ดับทุกข์โศก โลกแล้ง
สร้างซึ่งสุขนำโชค เสียสละ ช่วยนา
จิตอย่าให้เหือดแห้ง หยดน้ำกรุณา๚ะ

๏ อย่างามรูปจูบไซร้ ไม่หอม
มีสิ่งเหม็นติดตอม แปดเปื้อน
มากด้วยพิษจิตจอม เล่ห์เหลี่ยม ร้ายนา
ติทั่วหมาโรคเรื้อน โทษแล้วที่นอน๚ะ

๏ ตอนเช้าบอกรักแท้ จริงใจ
พอบ่ายเปลี่ยนแปรไป หลบหน้า
ภายในซ่อนพิษภัย มากริษ ยานา
ทำชั่วกลับเก่งกล้า ออกหน้าก่อนใคร๚ะ

๏ ใจโลเลเบื่อได้ ทั้งวัน
เอาแน่สักสิ่งอัน ยากไซร้
สัตย์ซื่อร่วมตายกัน อย่าคิด หวังนา
ดีชั่วประกาศไว้ ค่าชี้ตีตรา๚ะ

๏ อย่าอวดรู้อวดอ้าง ปัญญา
หัดถ่อมกิริยา โง่ไว้
อย่าเที่ยวกล่าววาจา อวดเก่ง อายนา
ปิดปากเงียบนิ่งไว้ กล่าวได้มุนี๚ะ

๏ ถึงคราวชี้ค่อยชี้ บอกความ
มุทะลุดูทราม งดไว้
ยามกล่าวกล่าวพองาม อย่ามาก ความนา
หมดสง่าราศีไซร้ โลกรู้ติเตียน๚ะ

๏ เพียรควบคุมหักห้าม จิตใจ
อย่าคิดผิดชั่วไป เสื่อมได้
ปัญญาเก็บแก้ไข ก่อเกิด บุญนา
ใช้ผิดทางบาปร้าย โลกนี้วุ่นวาย๚ะ

๏ ก่อนกายตายดับไซร้ ควรทำ
ประโยชน์สุขควรนำ เสกสร้าง
ปัญญาชอบแห่งธรรม เผยแพร่ บอกนา
ดีฝากแก่โลกบ้าง อย่าได้มัวเขลา๚ะ

๏ เฝ้าระวังจิตไว้ ให้ดี
คิดผิดธรรมอัปรีย์ หักห้าม
ริษยาก่อกาลี รีบเปลี่ยน แปลงนา
ยกจิตให้ก้าวข้าม สู่ห้องกุศล๚ะ

๏ ทำตนให้มากด้วย แก่นสาร
อยู่แต่ในศีลทาน ค่ำเช้า
ไม่หลงผิดคิดพาล ในลาภ ยศนา
ยกจิตเดินข้ามก้าว บ่วงร้ายโลกีย์๚ะ

๏ บุญบารมีเร่งไว้ สั่งสม
หมั่นฝึกจิตอบรม บ่มไว้
มลทินบาปอาจม ก้าวล่วง พ้นนา
อย่าประมาทบุญไซร้ ตื่นรู้เรียนธรรม๚ะ

๏ ผลกรรมจำแนกแล้ว มนุษย์สัตว์
แบ่งบอกชี้ไว้ชัด ค่าไซร้
ดีชั่วสุขทุกข์จัด แบ่งแยก
กรรมลิขิตวาดไว้ ครบถ้วนอัตรา๚ะ

๏ เปิดตาดูย่อมรู้ วาสนา
แตกต่างค่าราคา บ่งชี้
บ้างสุขทุกเวลา เสวยเสพ
บ้างทุกข์ท่วมมากหนี้ หมดเนื้อหมดตัว๚ะ

๏ บ้างนอนทั่วขอบข้าง ริมถนน
บ้างอดอยากยากจน ชั่วช้า
บ้างสวยหล่อน่ายล ดีเลิศ
บ้างพิการใบ้บ้า ป่วยไข้โรครุม๚ะ

๏ บ้างคิดกลุ้มเร่าร้อน จอมเครียด
บ้างช่างน่ารังเกียจ ฉลาดรู้
บ้างสูงศักดิ์สูงเกียรติ โดดเด่น
บ้างกัดฟันต่อสู้ นั่งเฝ้าลาภลอย๚ะ

๏ บ้างคอยพึ่งพี่น้อง ญาติมิตร
บ้างโง่เง่าสิ้นคิด ร่ำไห้
บ้างมากเล่ห์มากพิษ โคตรชั่ว
บ้างตกนรกหมกไหม้ ก่อสร้างเวรกรรม๚ะ

๏ บ้างทำดีค่ำเช้า ขวนขวาย
บ้างช่างอับอาย โลกไซร้
บ้างสมบัติมากมาย กองท่วม
บ้างผิดหวังหม่นไหม้ โศกเศร้าพลาดหวัง๚ะ

๏ บ้างตั้งเป้าวาดไว้ งดงาม
บ้างติดพนันบ้ากาม เดือดร้อน
บ้างติดคุกมีความ ต้องโทษ
บ้างรื่นเริงเต้นฟ้อน เที่ยวร้องรำกิน๚ะ

๏ บ้างสิ้นทุกข์หลุดพ้น ตัณหา
บ้างอวดเก่งอวดกล้า อวดรู้
บ้างรู้รอบมากปัญญา สมถะ
บ้างช่วยโลกกอบกู้ รับใช้แผ่นดิน๚ะ

๏ บ้างกินเที่ยวเล่นไซร้ เพลิดเพลิน
บ้างอกหักรักเมิน โศกเศร้า
บ้างตกอับยับเยิน อาภัพ
บ้างอัปรีย์ค่ำเช้า โหดร้ายทารุณ๚ะ

๏ บ้างก่อบุญเก็บไว้ บารมี
บ้างไม่ต่างเปรตผี หลอกไซร้
บ้างด่าว่าป้ายสี เพ่งโทษ
บ้างยึดคุณธรรมไว้ กราบไหว้บูชา๚ะ

๏ บ้างภาวนาตื่นรู้ ใฝ่ธรรม
บ้างบวชลาเวรกรรม เคร่งไว้
บ้างสุดโคตรระยำ เกินเปรียบ
บ้างนิ่งสงบเงียบไซร้ ละได้โลกธรรม๚ะ

๏ บ้างใฝ่ต่ำชั่วช้า เลวทราม
บ้างใฝ่ดีงดงาม เลิศล้ำ
บ้างปล่อยจิตคล้อย ตาม กิเลส
บ้างเจ็บปวดชอกช้ำ แตกร้าวครอบครัว๚ะ

๏ บ้างเกรงกลัวชั่วร้าย หลีกหนี
บ้างคิดโลภมั่งมี อยากได้
บ้างอุบาทว์กาลี เข่นฆ่า
บ้างจิตคิดมุ่งร้าย โกรธแค้นจองเวร๚ะ

๏ บ้างงดเว้นเคร่งแล้ว ศีลสัตย์
บ้างเก็บออมประหยัด ห่อไว้
บ้างเจ้าระเบียบจัด ยึดแบบ
บ้างสุดแสบมากไซร้ หลอกได้ตลอดปี๚ะ

๏ บ้างมีดีเก่งกล้า สาระพัด
บ้างเพิ่งเริ่มฝึดหัด บ่มไว้
บ้างเที่ยวเตร่จรจัด ไร้ที่
บ้างประมาทมากไซร้ คิดร้ายเนรคุณ๚ะ

๏ บ้างค้ำจุนชุบเลี้ยง พ่อแม่
บ้างจิตหลงลืมแก่ แต่งแต้ม
บ้างคุณภาพย่ำแย่ น่าเกลียด
บ้างเบิกบานยิ้มแย้ม เพื่อนพ้องมากมาย๚ะ

๏ บ้างค้าขายแลกซื้อ ลงทุน
บ้างฉิบหายขาดทุน เลิกล้ม
บ้างทำชั่วอ้างบุญ โกหก
บ้างมุสาหลอกต้ม พระเจ้าทรงศีล

๏ บ้างกินมื้ออดมื้อ ขอทาน
บ้างมากโรคทรมาน ป่วยไข้
บ้างแคล่วคล่องชำนาญ ช่างพูด
บ้างอ่อนน้อมชอบให้ ช่วยได้ทุกคน๚ะ

๏ บ้างอดทนเก่งแก้ ปัญหา
บ้างช่างเจ้าน้ำตา ร่ำไห้
บ้างมากเล่ห์มายา เหลี่ยมจัด
บ้างเกียจคร้านมากไซร้ พี่น้องระอา๚ะ

๏ บ้างศรัทธาเชื่อแล้ว บุญบาป
บ้างสวดมนต์ไหว้กราบ พระเจ้า
บ้างมีโชคมีลาภ ร่วยง่าย
บ้างนั่งลุ้นค่ำเช้า หมดสิ้นความหวัง๚ะ

๏ บ้างพังพินาศสิ้น ชื่อเสียง
บ้างถูกจับขึ้นเขียง แล่เนื้อ
บ้างไร้คู่อยู่เคียง ครองรัก
บ้างโอบอ้อมเอื้อเฟื้อ มากด้วยกรุณา๚ะ

๏ ค่าแห่งมนุษย์สัตว์นั้น ต่างกัน
กรรมแบ่งแยกนรกสวรรค์ จัดไว้
ทุกอย่างปัจจุบัน จุดเริ่ม
ตนเร่งสอนตนไซร้ เกิดได้ปัญญา๚ะ

๏ บิดามารดามากไซร้ เมตตา
เทียบดั่งพรหมเทวา พระได้
แผ่นน้ำอีกแผ่นฟ้า มิอาจ อ้างนา
ก้มกราบบูชาไหว้ ย่อมได้มงคล๚ะ

๏ ลูกคนใดคิดร้าย อกุศล
ย่อมตกอับยากจน เสื่อมสิ้น
ชีวิตย่อมไร้ผล หายั่ง ยืนนา
กระเสือกกระสนดิ้น หมดสิ้นหนทาง๚ะ

๏ บาปกรรมต่างนั่งเฝ้า ส่งผล
บุญเก่าหมดทุกข์ทน หม่นไหม้
ทั่วทุกทิศหมู่คน รังเกียจ หน้านา
ที่พึ่งพิงพักไซร้ ต่างรู้เมินหนี๚ะ

๏ ค่าอัปรีย์บอกไว้ ประจาน
ย่อมเทียบเดรัจฉาน สัตว์ได้
เนรคุณย่อมเรียกขาน แทนชื่น ได้นา
ใครอยู่ข้างชิดใกล้ เสื่อมสิ้นราศี๚ะ

๏ ความดีที่ก่อไว้ จืดจาง
เรือล่มแตกอับปาง เคราะห์ร้าย
มืดมิดซึ่งหนทาง ไปสู่ สวรรค์นา
นรกภพภูมิหวังได้ ตกน้ำจมตาย๚ะ

๏ ล้มละลายหมดสิ้น สมบัติ
ความติดข้องติดขัด รอบด้าน
ทุกข์ภัยพบวิบัติ จ้องเล่น งานนา
ทำพูดคิดถูกต้าน หม่นไหม้อเวจี๚ะ

๏ มีลูกลูกคิดร้าย กงกรรม
มีคู่คู่กลับลำ ใส่ร้าย
มีเพื่อนเพื่อนระยำ ยิ่งชอก ช้ำนา
เจริญรุ่งเรืองดับได้ หมดสิ้นศักดิ์ศรี๚ะ

๏ คิดดีดีส่งให้ เห็นผล
สุขย่อมเกิดบัดดล ผ่องแผ้ว
คิดร้ายมากกังวล ก่อทุกข์ ให้นา
คุมจิตไว้ได้แล้ว ผ่านพ้นอัปรีย์๚ะ

๏ พูดดีดีส่งให้ มงคล
มากมิตรรักช่วยตน ค่ำเช้า
พูดร้ายก่อภัยผล เกิดชั่ว ตามนา
คุมปากให้มากเข้า หมดได้เคราะห์กรรม๚ะ

๏ ทำดีดีส่งให้ ปลอดภัย
หมดบาปชั่วจัญไร สุขไซร้
ทำชั่วย่อมนำไป สูทุ -คตินา
ทำแต่ดีมากไว้ สุขแท้สงบเย็น๚ะ๛

เอวัง.

วัดพระมหาชนก บ้านพลังเพียร
4.4.2015